บทความตีพิมพ์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 3 "รู้เขา รู้เรา"

บทความตีพิมพ์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 3 "รู้เขา รู้เรา"

วันที่นำเข้าข้อมูล 9 ก.ย. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 669 view

ประเทศจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 5,000 ปี ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นความต่อเนื่องยาวนานของประวัติศาสตร์และอารยธรรมจีนจึงทำให้มีบันทึกเรื่องราว ตำนาน เกร็ดความรู้ประเทืองสติปัญญามากมายโดยนักปราชญ์ชื่อดังหรือผู้มีชื่อเสียงในด้านต่างๆ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นภูมิปัญญาที่สำคัญของจีน เนื่องจากคำกล่าวที่ว่า “ประวัติศาสตร์ย่อมจะซ้ำรอย” หรือ “เรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อที่จะเข้าใจปัจจุบันเเละกำหนดยุทธศาสตร์ในอนาคต”

ปัจจุบันประเทศจีนได้ถือว่าเป็นมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจอันดับสองของโลก จึงต้องมีความรู้เกี่ยวกับประเทศจีน เข้าใจประวัติศาสตร์จีน เเละเรียนรู้จากภูมิปัญญาของจีนอีกด้วย ดังนั้นจึงมีผู้รู้กล่าวไว้ว่า จะรู้จักจีนต้องอ่านหนังสืออย่างน้อย 3 เล่ม

ตำราพิชัยสงครามซุนวู ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อประมาณ 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยมีจำนวน 13 บท เเละมีจำนวนคำภาษาจีนเพียง 5,000 คำ ซึ่งเป็นประโยชน์ในแง่ทำให้ได้รู้ถึงทฤษฎีด้านการทหาร ซึ่งเป็นประโยชน์และสามารถนำมาประยุกต์ ปรับเปลี่ยนใช้ในการทำธุรกิจ การติดต่อค้าจำหน่ายหรือแม้แต่การบริหารบุคคล หนังสือนิยายอิงประวัติศาสตร์สามก๊ก ทำให้เข้าใจรายละเอียดของยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ วิธีการ      ความล้มเหลว เเละความสำเร็จในแง่ปฏิบัติ โดยผู้อ่านจะได้ประโยชน์จากเรื่องราวที่ถ่ายทอดผ่านตัวละครแต่ละตัวซึ่งมีทั้งจุดอ่อน จุดแข็ง จุดที่ล้มเหลว เเละจุดที่ประสบความสำเร็จ

นิยายไซอิ๋ว เรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางไปยังประเทศอินเดียของพระถังซัมจั๋ง เพื่อนำพระไตรปิฎกกลับมายังประเทศจีน โดยตลอดการเดินทางต้องผจญกับมารร้าย ปีศาจ ภยันตราย อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ เล่ห์กล ซึ่งผู้อ่านจะได้ทั้งความสนุกสนานเเละความบันเทิงจากจินตนาการของผู้แต่ง

ดังนั้นการอ่านตำราพิชัยสงครามซุนวูทำให้มีหลักคิดด้านทฤษฎี อ่านสามก๊กทำให้รู้เท่าทันเล่ห์กลหรือกลยุทธ์ในทางปฎิบัติ รวมถึงการอ่านนิยายไซอิ๋วจะทำให้มีจินตนาการ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้จะทำให้ผู้อ่านมีความรู้ ความคิด เเละจินตนาการ

ในปัจจุบันนี้เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ การติดต่อสื่อสารการไปมาหาสู่ การทำธุรกิจและการลงทุนข้ามชาติ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการมีความรู้ ความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับประเทศไทย

ประเทศจีนมีจำนวนประชากรจีนมากกว่า 1,300 ล้านคน เเละในจำนวนนี้กว่า 90 ล้านคน เป็นพ่อค้า ผู้ประกอบการ นักลงทุน ผู้ประกอบการ ซึ่งขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศจีนรวมทั้งในต่างประเทศ เเละในจำนวนนี้ อาจกล่าวได้ว่าต่างมีคุณสมบัติหรือบุคลิกโดดเด่น 3 ประการ ดังนี้ มุมานะบากบั่น   อ่อนน้อมถ่อมตน เเละมีวิสัยทัศน์กว้างไกล

ในส่วนที่เกี่ยวกับ ความมุมานะบากบั่น นั้นต้องยอมรับว่า นับตั้งแต่ประธานเหมาเจ๋อตงได้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นในปี ค.ศ.1949 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือได้ว่าระยะเวลาเพียง 65 ปี สามารถทำให้ประเทศซึ่งระส่ำระสาย อดอยาก กลับกลายเป็นประเทศที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ประชากรกินดีอยู่ดี โดยส่วนหนึ่งมาจากประชาชนที่มีความมุมานะบากบั่น ขยันอดทน ดังคำกล่าว ขงเบ้ง ที่ว่า

        เพราะเเสวงหา มิใช่เพราะรอคอย

        เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส

        เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย

        ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน

ในส่วนที่เกี่ยวกับ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ถือเป็นคุณสมบัติที่ได้เปรียบ เนื่องจากชาวจีนเมื่อติดต่อกับใครก็ตามจะมีอัธยาศัยไมตรีที่ดี ให้เกียรติผู้อื่น ยกย่องชมเชยว่าผู้อื่นเก่งกว่า (ไม่ยอมรับคำชมเชยจากผู้อื่น) นอกจากนั้นเวลาพบปะผู้ใดจะขอความเห็น ขอรับคำชี้เเนะให้กับตนเองหรือกิจการของตนเอง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นวิธีการที่จะได้รับรู้ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ความคิด คำชี้แนะ เพื่อปรับปรุงตนเองเเละกิจการของตนเองให้ดียิ่งขึ้น

ความอ่อนน้อมถ่อมตน มีปรากฏชัดเจนจากคำกล่าว หรือคำคม หรือปรัชญาของชาวจีนในหลายแง่มุม อาทิ      

  • ทำสิ่งที่พูด แต่อย่าพูดในสิ่งที่จะทำ
  • คุณธรรมความดีไม่ได้อยู่ที่ลิ้น แต่เก็บไว้ในใจ

ในส่วนที่เกี่ยวกับ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มักจะพบชาวจีนที่มีความมุ่งมาดปรารถนาที่จะเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ ไม่พลาดข้อมูลข่าวสารเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ตรงกับความต้องการของตลาด และโลกในปัจจุบันโดยไม่ยึดติดกับรูปแบบหรือสินค้าเพียงอย่างเดียว เเต่มุ่งที่จะตอบโจทย์ว่ามีใครที่ไหนจะซื้อสินค้าอะไร ผู้ประกอบการจีนก็จะนำสินค้าไปจำหน่ายให้

นอกจากนี้ยังมีคำพังเพยของจีนที่สื่อความหมายเเละให้ความคิดแฝงปรัชญาที่น่าสนใจในด้านวิสัยทัศน์ อาทิ

  • พบทางสามแพร่ง จงเดินสายกลาง (หากไม่แน่ใจ ก็อย่าสุดโต่งด้านใดด้านหนึ่ง)
  • ปากคนเร็วกว่าลม
  • ตอนเป็นเด็กไม่รู้จักคิด แก่มากขึ้นก็ไม่ได้ความ
  • คนซื้อฉลาดแค่ไหนก็ตาม สู้คนจำหน่ายไม่ได้ (ไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่จำหน่าย)
  • คนอายุเกิน 30 จึงรู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ (รู้ความเป็นจริง)
  • ปากเรียกพี่ แต่ในมือกำอาวุธ
  • ใจควรเล็ก (อย่าประมาท) แต่ปณิธานควรใหญ่
  • รู้จักคน รู้จักหน้า แต่ไม่รู้จิตใจของเขา
  • ผู้ไม่คิดการณ์ไกล จะประสบความยากลำบาก
  • ไม่กลัวคนเจ้าเล่ห์ แต่กลัวคนจริง (คนเก่งกว่า)
  • ไม่กลัวกวนอูหน้าแดง แต่กลัวโพธิสัตว์เม้มปากยิ้ม (น้ำนิ่งไหลลึก)

ดังนั้นการที่ผู้ประกอบการจีนประสบความสำเร็จจึงมีเหตุพื้นฐานมาจาก ความมุมานะบากบั่น ขยันอดทน เก็บซ่อนข้อมูลรายละเอียดของตนเอง แต่สอบถามรายละเอียด เคล็ดลับ วิธีการจากผู้อื่นด้วยการขอคำชี้เเนะ ขอดูงาน ขอดูตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ขอดูกระบวนการผลิต โดยอ้างว่ายังขาดความรู้  ยังด้อยพัฒนา ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้แต้มต่อที่จะได้องค์ความรู้กลับไปพัฒนาต่อยอดเเละขยายผลเพื่อทำให้สินค้าผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต ตลอดจนวิธีคิดของตนเองดียิ่งขึ้น โดยจะไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล รายละเอียดของตนเองให้ผู้อื่นฟังเลย โดยถ่อมตัวว่าตนเองยังไม่ดี บริษัทยังไม่เจริญก้าวหน้า

ทั้งหมดนี้จึงเป็นคุณสมบัติและบุคลิกของผู้ประกอบการจีนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะต่างจากผู้ประกอบการอีกแบบที่มักจะโอ้อวด โฆษณาชวนเชื่อเกินความเป็นจริง เข้าทำนองพูดโฆษณาตนเองเเละสินค้าของบริษัทชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีข้อเสีย ไม่มีจุดบกพร่อง เเละพร้อมที่จะทำธุรกิจขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วกับผู้ประกอบการคนใดก็ได้ที่พร้อมจะร่วมมือ

การกล่าวถึงคุณสมบัติดังกล่าวของผู้ประกอบการจีนข้างต้นเป็นเพียงพื้นฐานเท่านั้น เนื่องจากยังมีแต้มต่อจากชาวจีนที่มักนิยมนำความรู้ที่ได้มาจากการอ่านตำราพิชัยสงครามของซุนวู กลยุทธ์ของสามก๊ก จินตนาการของนิยายไซอิ๋วเข้ามาเสริมแต่งอีกด้วย จนทำให้บุคคลเหล่านี้มีความสามารถพิเศษโดดเด่น ล่วงรู้เทคนิค         การเจรจาต่อรองล่วงหน้า รวมทั้งสามารถเจรจาหว่านล้อมด้วยกลยุทธ์เเละอุบายเหมือนอย่างสามก๊กจนยากที่จะทำให้คู่เจรจาสามารถคาดการณ์จินตนาการเเละข้อเสนอที่น่าพิศวง

การกล่าวถึงคุณสมบัติเเละบุคลิกข้างต้น ก็เพื่อที่จะทำให้ “รู้เขา รู้เรา” เกิดความรู้เท่าทัน เเละเข้าใจระบบความคิด เทคนิคเเละกลยุทธ์การเจรจาการค้าต่างๆ

จึงปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งว่า ในการพูดคุยสนทนา ปรึกษาหารือเรื่องทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้า ผู้ประกอบการจีนจะพูดด้วยความจริงใจ เปิดเผย ไม่ปิดบังอำพราง จนได้รับการยอมรับจากผู้ร่วมสนทนา แต่ถ้าเป็นการพูดคุยด้านธุรกิจแล้วจะมีหลักการที่สำคัญที่จะไม่พูดในรายละเอียด เพราะถือเป็นการเปิดเผยความลับซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงได้ในภายภาคหน้า

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจมากของผู้ประกอบการจีน ซึ่งมักจะพบว่าทั้งสามีและภรรยาช่วยกันทำการค้า โดยสามีจะจำหน่ายสินค้าแต่ก็จะคบเพื่อน จับกลุ่ม หรือเข้าสมาคมการค้าเพื่อเเลกเปลี่ยนข่าวสาร สร้างเครือข่ายการค้า เรียนรู้ประสบการณ์หรือบทเรียนจากเพื่อนผู้ประกอบการ ฝ่ายภรรยาก็ดูแลลูก ช่วยเหลือด้านการค้า เก็บเงิน ทำบัญชี แต่เมื่อมีงานสังคมหรือสังสรรค์ก่อนเจรจาธุรกิจสำคัญสามีมักจะพาภรรยาไปด้วยเสมอ

เรื่องราวที่กล่าวมาทั้งหมดดูเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่เห็นจะมีความสำคัญตรงไหน แต่ใน     ความเป็นจริงเป็นการใช้ประโยชน์ของธรรมชาติซึ่งผู้ชายเเละผู้หญิงมีความสามารถพิเศษแตกต่างกัน จึงถือเป็นการใช้ศักยภาพพิเศษของแต่ละฝ่ายได้อย่างชาญฉลาด

โดยธรรมชาติผู้ชายจะมองกว้างเห็นภาพรวมแต่มีจุดอ่อนขาดความละเอียด ขาดความสามารถใน    การแยกแยะโดยทางอารมณ์เเละความรู้สึก ซึ่งผู้หญิงจะมีความสามารถพิเศษโดดเด่นในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ดังนั้นการที่ฝ่ายชายชวนภรรยาไปร่วมงานสังสรรค์หรืองานเลี้ยงก่อนเจรจาสำคัญในทางธุรกิจการค้า ฝ่ายภรรยาจะฟังด้วยอารมณ์และความรู้สึกจนมีมุมมองอีกด้านหนึ่งว่า คู่ค้าหรือเพื่อนผู้ประกอบการเป็นอย่างไร มีความน่าเชื่อถือหรือน่าจะระวังด้านใด ซึ่งมุมมองผ่านอารมณ์เเละความรู้สึกนี้ของผู้หญิงจะมีความแม่นยำเเละชัดเจนมากกว่าผู้ชาย ในกรณีนี้จึงเปรียบเสมือนมีกุนซือหรือที่ปรึกษาชั้นยอดช่วยกลั่นกรองเเละเป็นเเต้มต่อที่สำคัญในเชิงธุรกิจการค้า