บทความตีพิมพ์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 6 "เครื่องสำอางเเละผลิตภัณฑ์สปาไทยในประเทศจีน"

บทความตีพิมพ์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 6 "เครื่องสำอางเเละผลิตภัณฑ์สปาไทยในประเทศจีน"

วันที่นำเข้าข้อมูล 9 ก.ย. 2558

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 27 พ.ย. 2565

| 1,476 view

ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าผลของการพัฒนาเศรษฐกิจจีนทำให้เกิดชนชั้นกลางคนรุ่นใหม่เเละเศรษฐีเป็นจำนวนมาก เเละคนเหล่านี้มีวิถีชีวิตทันสมัย มีรสนิยมดี ตลอดจนให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าเเละมีความใส่ใจสุขภาพ ความสวย ความหล่อ ดังนั้นการมีรายได้ดีเเละฐานะดีจึงทำให้บุคคลกลุ่มนี้สนใจเครื่องสำอางบำรุงผิว ดูแลสุขภาพ ให้คงความเป็นหนุ่มเป็นสาว ความสวยความงาม ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สปาเเละเครื่องสำอางครอบคลุมตั้งแต่การดูเเลเเละบำรุงตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า

เครื่องสำอางเเละผลิตภัณฑ์สปาจึงตอบโจทย์ได้อย่างถูกต้องต่อกลุ่มบุคคลซึ่งมีกำลังซื้อ เเต่กำลัง    เเสวงหาผลิตภัณฑ์ที่ใช่เเละถูกกับรสนิยมของผู้บริโภคชาวจีนยุคปัจจุบัน ซึ่งไม่เพียงเเต่เป็นสบู่อะไรก็ได้ที่ทำ    ความสะอาดร่างกายได้หรือเเชมพูยี่ห้ออะไรก็ได้ที่สระผมได้สะอาด เเต่ต้องการสบู่ที่ไม่ใช่เป็นเพียงเเค่ทำ         ความสะอาดร่างกายเเต่ต้องมีกลิ่นหอมประทับใจ หรือจะต้องไม่ใช่เป็นเเชมพูยี่ห้ออะไรก็ได้ เเต่จะต้องมีสรรพคุณ  ที่เป็นประโยชน์ต่อเส้นผมเเละหนังศรีษะเเละกลิ่นหอมถูกใจ ยกตัวอย่างเช่น เเชมพูดอกอัญชันของไทยที่สระผมได้สะอาดเเละยังมีสรรพคุณในการบำรุงเส้นผมให้เเข็งเเรง ดกดำ อีกด้วย

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า กลุ่มผู้บริโภคชาวจีนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 22-35 ปี เป็นกลุ่มที่กำลังทำงานเเละมีกำลังซื้อ จึงเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญที่มีรสนิยมที่ทันสมัย สนใจผลิตภัณฑ์ที่ดูแลสุขภาพและเสริมความงาม ตลอดจนมีผลดีต่อร่างกาย ฉะนั้นในเรื่องนี้จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย

ข้อมูลที่น่าสนใจในประเทศจีนระบุว่า กลุ่มเป้าหมายที่นิยมเครื่องสำอางเเละผลิตภัณฑ์สปามิได้เป็นเฉพาะกลุ่มผู้หญิงเท่านั้น ในปัจจุบันกลุ่มผู้ชายอายุระหว่าง 22-35 ปี ก็ใส่ใจในความหล่อเเละความสะอาดส่วนบุคคลมากขึ้น เเละให้ความสำคัญกับสบู่อาบน้ำ เเชมพูสระผม โฟมล้างหน้า ครีมโกนหนวด เเละเจลตกเเต่งทรงผมมากยิ่งขึ้น

ผลิตภัณฑ์สปาของไทยเป็นที่นิยมในประเทศจีนเริ่มตั้งเเต่น้ำมันนวดกลิ่นต่างๆ น้ำมันหอมระเหย สครับขัดผิวพรรณให้นุ่มเนียน สบู่เเกะสลักลวดลายที่มีรูปทรงผลไม้เเละมีกลิ่นหอมธรรมชาติ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เทียนหอมรูปทรงเเละกลิ่นต่างๆ ก็เป็นที่นิยมในประเทศจีน เเต่ผลิตภัณฑ์ของไทยเหล่านี้ต้องใส่สีเเละกลิ่นธรรมชาติเท่านั้น   จึงจะได้รับความไว้วางใจเเละถูกใจผู้บริโภคชาวจีน ในปัจจุบันมีธุรกิจสปาเกิดขึ้นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เเละส่วนใหญ่ของธุรกิจเหล่านี้ก็ซื้อผลิตภัณฑ์สปาจากประเทศไทยบริการลูกค้า เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย ช่วยผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด พร้อมทั้งปรับสมดุลให้แก่ร่างกาย รวมทั้งยังตกแต่งบรรยากาศแบบสปาไทยอีกด้วย

กระเเสนิยมไทยในประเทศจีนสามารถเห็นได้จากความนิยมในละครไทย ภาพยนตร์ไทย ดาราไทย เพลงไทย อาหารไทย เเละมวยไทย เป็นสิ่งพิสูจน์ให้เห็นชัดเจน ชาวจีนจึงนิยมชมชอบประเทศไทยเเละมาท่องเที่ยวประเทศไทย รับประทานอาหารไทย ซื้อสินค้าไทย ทดลองสปา เเละนวดแผนไทยอีกด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจะต้องสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นระดับพรีเมี่ยม

สินค้าไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีในตลาดจีนในเเง่คุณภาพดี เชื่อถือได้ ราคาย่อมเยา มีบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย เเละใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติปลอดสารเคมี ตลอดจนการออกเเบบผลิตภัณฑ์ก็ทำได้สวยงามน่าซื้อเเละน่าใช้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์สินค้าไทยยังมีความหลากหลาย โดยเเต่ละชนิดก็มีเอกลักษณ์ เพราะอัตลักษณ์ความเป็นไทยเเละภูมิปัญญาไทยที่สร้างความเเตกต่างจากสินค้าของประเทศอื่น ซึ่งเน้นความทันสมัยเท่านั้น ดังนั้นจึงช่วย    เสริมเสน่ห์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไทยให้มีความโดดเด่น เเละต่างจากสินค้าประเภทเครื่องสำอางเเละผลิตภัณฑ์สปาจากประเทศอื่นๆ โดยถือว่าผู้ประกอบการไทยตั้งใจที่จะให้ลูกค้านำเอาวัฒนธรรมไทยของเรากลับบ้านไปด้วย ถือเป็น Signature of Thailand

โดยในปี 2557 อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยมีมูลค่ารวมทางเศรษฐกิจกว่า 2.1 แสนล้านบาท เป็นตลาดภายในประเทศ 1.2 แสนล้านบาท เเละตลาดส่งออกกว่า 9 หมื่นล้านบาท โดยในประเทศไทยครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในอาเซียน 40 %

หญิงไทยรักสวยรักงาม มีความละเอียดอ่อนในการดูเเลเเละใส่ใจความสวยเเละความดูดีดังสุภาษิตไทยที่ว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” ขณะที่ชาวจีนก็มีสุภาษิตที่ว่า “30ลิขิตฟ้า 70ต้องแต่งเติม” ดังนั้นจากสุภาษิตที่ว่านี้ จึงถือเป็นจุดเเข็งของไทย เเละเมื่อผู้ประกอบการไทยเสริมหรือเติมเอกลักษณ์ไทยเข้าไปในผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางเเละผลิตภัณฑ์สปา ก็จะเป็นจุดขายได้ดีมากกว่าผลิตภัณฑ์สปาประเภทเดียวกันของ   ประเทศอื่นที่ไม่มีจุดขายเรื่อง ภูมิปัญญาชาวบ้าน สารสกัดจากธรรมชาติ เเละสมุนไพรไทย

ประเทศไทยเรามีข้าวเป็นผลผลิตด้านการเกษตรที่ส่งออกไปประเทศต่างๆ และในปัจจุบันมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงก็อยู่ในระหว่างการทำวิจัยที่จะใช้ข้าว (ต้นน้ำ) และกล้วยไม้ (หวายพันธุ์ม่วงแดง) ให้มีมูลค่าเพิ่มด้วยการผลิตสารสกัดจากข้าวและกล้วยไม้เป็นเครื่องสำอาง (ปลายน้ำ) เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้าไทยอีกด้วย

เครื่องสำอางเเละผลิตภัณฑ์สปาของไทยจะต้องมีคุณภาพดี ได้รับเครื่องหมาย อย. เป็นเครื่องค้ำประกันความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ก็จะมีจุดขายที่ดีในประเทศจีน เเต่ปัญหาคือเมื่อผู้ประกอบการไทยเรามีของดีมีคุณภาพ รวมทั้งได้เครื่องหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. เเล้วจะขายในประเทศจีนได้อย่างไร คำตอบคือจะต้องทำตามหลักการตลาดข้อหนึ่งที่ว่าด้วยการทำให้สินค้านี้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคชาวจีนก่อนด้วยการเข้าร่วมงานเทศกาลไทยของสถานกงสุลใหญ่ฯ ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงตัวลูกค้าชาวจีน เพื่อให้ทดลองดมกลิ่น ทดลองทาผิว หรือทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของไทย แม้จะมีปริมาณเพียงเล็กน้อยเเต่ก็ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนได้สัมผัสเเละมีประสบการณ์ตรงว่า ทาผิวเเล้วผิวเนียนนุ่มจริง เเตกต่างจากก่อนหน้าการทดลองทาอย่างเห็นได้ชัดหรือไม่

ผู้บริโภคชาวจีนกลัวการหลอกลวง แต่เมื่อมีเครื่องหมาย อย. ของไทยแล้วและผู้ประกอบการไทยเชิญชวนให้ทดลองเเละสามารถเห็นผลได้จริง ชาวจีนจะซื้อเครื่องสำอางเเละผลิตภัณฑ์สปาของไทยอย่างแน่นอน ดังนั้นผู้ประกอบการไทยต้องอดทนเเละใช้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จนกว่าผู้บริโภคจะเชื่อใจในคุณภาพเเละจะเป็นลูกค้า เเละช่วยแนะนำเพื่อนแบบปากต่อปากกันไป

การสร้างจุดเด่นให้เเก่ผลิตภัณฑ์สปาของไทย คือ ต้องใช้สารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติของไทย เช่น ดอกอัญชัน เปลือกมังคุด ตะไคร้ มะกรูด ฯลฯ เพื่อสร้างจุดขายที่สื่อสารถึงสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ได้ทันทีที่เห็นเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ ตลอดจนจะต้องเน้นปลอดสารเคมีเเต่อุดมไปด้วยสรรพคุณของพืชพรรณสมุนไพรไทย และอีกขั้นที่ต้องไม่ลืม คือ ขนาดบรรจุขนาดเล็กเพื่อตอบโจทย์ที่เน้นประหยัดเงินเเละทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายเพื่อทดลองใช้ก่อน